รีวิวญี่ปุ่น | ฟุกุชิมะ เมืองที่ ซากุระ สวยสุดๆ
อีกหนึ่งช่วงเวลาที่ใครหลายคนชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น นั้นก็คือ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือ ช่วงดอกซากุระบานนั้นเอง
🌸หากคิดถึงซากุระ อยากให้คิดถึง Fukushima 🎏
ทำไมถึงเป็น Fukushima เพราะเราว่าที่นี่เป็นจุดชมซากุระที่สวยมากๆ สวยสุดๆ และต้นซากุระเยอะมากๆๆ แถมคนน้อยด้วยน้า ถ่ายรูปมาสวยเว่อร์
🎏หากพูดถึง Fukushima หลายๆคนที่ไม่ใช่สายญี่ปุ่น อาจจะไม่คุ้นชื่อเท่าไหร่ Fukushima เป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาค Tohoku คือโซนเหนือโตเกียวขึ้นมานึดนึงนั่นเอง สามารถเดินทางจากโตเกียวได้สบายๆเลย
🌸ที่ Fukushima มีซากุระหลากหลายสายพันธุ์ให้เราได้ชม และ จุดชมซากุระที่หลากหลายวิว มีทั้งแบบริมแม่น้ำ วิวภูเขา หรือ แม้กระทั่งวิวในเมือง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงเลือกที่จะไปเที่ยวชมซากุระที่ Fukushima
🌸โดยทริปนี้เราเลือกไปที่จะไปนอนพักในเมือง Koriyama เป็นที่พักหลัก (Koriyama เป็นอีกหนึ่งเมืองในจังหวัด Fukushima)
แล้วเดินทางออกไปชมซากุระตามจุดต่างๆ โดยเราไปด้วย รถไฟ และ รถบัส เพราะ Koriyama ถือเป็นจุดศูนย์กลางที่เดินทางง่ายและสะดวก
🚅โดยเราใช้ ตั๋ว JR East Tohoku Area Pass สำหรับ 5 วัน แบบยืดหยุ่น (ไม่จำเป็นต้องใช้ต่อเนื่องกัน)ใช้เดินทางไปละที่
แต่ละจุดที่จะเลือกไปเราจะดูว่าจุดไหนกำลังบานสวยกำลังฟูลบลูมและสภาพอากาศดี เราก็จะเลือกไปจุดนั้นๆ
🌸โดยหลักๆแล้วในพื้นที่เดียวกัน
หากเราเลือกไปในช่วงเวลาที่เหมาะสม เราก็จะสามารถเที่ยวชมซากุระที่สวยพร้อมๆกันในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ง่ายต่อการเดินทางและไม่พลาดที่จะได้เจอกับดอกซากุระที่กำลังบานสวยงาม
โดยทริปนี้เราเราได้เลือกที่จะไปเที่ยวแบบวันละ 1-2 สถานที่เท่านั้น เพราะการเดินทางไปในแต่ละจุดค่อนข้างใช้เวลานาน
อีกทั้งเราอยากจะใช้เวลาเที่ยวชม ถ่ายรูป เสพบรรยากาศในแต่ละสถานที่ให้เต็มที่ ให้สมกับที่รอคอยกันเลยทีเดียว และ มันจะทำไม่ให้เราเหนื่อยมากจนเกินไปเรียกได้ว่า เที่ยวแบบชิลๆฮ่าๆ
🌸ทริปนี้เราก็แบ่งการไปเที่ยวชมซากุระออกเป็นทั้งหมด 6วัน 7สถานที่ มีดังนี้
- 🌸Fujitagawa Fureaisakura
ซากุระจุดแรกที่เราพาไป เป็นซากุระริมแม่น้ำ fujita ความยามประมาณ 2.7กิโล
ความสวยงามของที่นี่คือ จะมีมุมสะพาน หลายสะพานเลย รายล้อมไปด้วยต้นซากุระ2ฝั่งแม่น้ำ และคนน้อยมาก แต่รอบๆไม่มีร้านค้าเลย อาจจะต้องเตรียมอาหารและน้ำ มาเผื่อ และมานั่งปิคนิคริมน้ำฟินมา กๆ
🚊การเดินทาง
จากสถานี Koriyama นั่งรถไฟไปลงสถานี Kikuta(10นาที) ออกจากสถานีให้เดินเลี้ยวขวาไปประมาณ 400 เมตร ก็จะเจอต้นซากุระแล้วจ้า
***เวลานั่งรถไฟขากลับ ให้รอฝั่งเดียวกับที่ลงตอนขามาจ้า
📍พิกัด https://goo.gl/maps/GRHmuoFV6ARphC45A
2. 🌸Kaiseizan Park
สวนสาธารณะขนาดใหญ่ แห่งเมือง Koriyama ที่สวนนี้มีต้นซากุระกว่า 1,300 ต้น มีเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อน แถมถ่ายรูปสวยมากๆ แถมใช้เวลาเดินทางใกล้มากๆ
🚎การเดินทาง
ขึ้นรถบัสที่สถานี Koriyama ป้ายที่ 9
(อันนี้แนะนำให้ถามคนขับรถอ
ลงที่ Koriyama shiyakusho ราคา 230เยน/เที่ยว ประมาณ10นาที ก็ลงหน้าสวนเลยจ้า
📍พิกัด https://goo.gl/maps/
3. 🌸Tsuruga Castle
ปราสาทสึรุกะ หรือที่เรารู้จักกันปราสาทน
🚊การเดินทาง
-นั่งรถไฟจากสถานี Koriyama ไปลงสถานี Aizu-Wakamatsu (ประมาณ80นาที)
-ต่อรถบัส Aizu loop bus รถจอดป้ายเบอร์6 ลงป้าย Tsurugajo-kitaguchi หรือ Tsurugajo-Iriguchi (20นาที)
210เยน/เที่ยว
**รถบัสจะจอดอยู่ตรง bus information center (ขอตารางเวลารถได้ที่นี่จ้า
📍พิกัด https://goo.gl/maps/
4. 🌸Miharu Taki-Zakura
ต้นซากุระต้นใหญ่โตนี้ มีอายุมากถึง 1000ปี ไม่น่าเชื่อว่าจะหลงเหลือมา
ค่าเข้าชม : 300เยน
🚊การเดินทาง
จากสถานี Koriyama นั่งรถไฟไปลงที่ สถานี Miharu แล้วขึ้นรถบัสหน้าสถานีเลย
เป็นรถบัสวิ่งเฉพาะช่วงเทศก
เค้าจะขายตั๋วไปกลับ+ค่าเข้
จ้า อย่าลืมดูรอบรถกลับดีดีด้วย
📍พิกัด https://goo.gl/maps/
5. 🌸Kasumigajo Park
จริงๆที่นี่เป็นปราสาทประจำ
🚊การเดินทาง
จากสถานี Koriyama นั่งรถไฟไปลงสถานี Nihommatsu จากนั้นต่อรถบัสหน้าสถานี Nihommatsu ไปลง Kasumigajo Kouen ค่ารถบัส 220 เยน (สามารถสอบถามและรับตารางเว
📍พิกัด https://goo.gl/maps/
6. 🌸 Miyagawa Senbonzakura
ซากุระริมน้ำ Miyaga เรียงรายมากกว่า 1,000 ต้น ที่นี่เป็นอีกที่ที่เราประท
คือนักท่องเที่ยวค่อนข้างน้
🚊การเดินทาง
จากสถานี Koriyama นั่งรถไฟไปลงสถานี Aizu-Wakamatsu จากนั้นเปลี่ยนสายมานั่ง JR Tadami Line จาก Aizu-Wakamatsu มาลงที่สถานี Aizutakada แล้วเดินต่ออีก 20นาที
***รอบรถไฟวิ่งระหว่าง Aizu-Wakamatsu – Aizutakada วันนึงมีน้อยมาก อย่าลืมเช็ครอบรถไฟให้ดีก่อ
📍พิกัด https://goo.gl/maps/
7. 🌸 Nicchu line
นึกถึงซากระพันธุ์ย้อยสีชมพ
Weeping Cherry On The Nicchu Line ที่เมือง Kitakata ซากุระพันธุ์ย้อยล้วนๆ ยาวกว่า3กิโล สวยมากๆ แนะนำให้มาเช้าๆเพราะคนเยอะ
🚊การเดินทาง
จากสถานี Koriyama นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Aizu-Wakamatsu แล้วเปลี่ยนสายนั่งต่ออีกปร
📍พิกัด https://goo.gl/maps/
และนี่ก็คือทั้งหมดของจุดชมซากุระที่เราได้ไปเที่ยวชมมา บอกเลยว่าสวยปังทุกที่ สวยมากๆ ประทับใจสุดๆ ( ทริปนี้ไปเมื่อวันที่ 18-23 เมษายน 2019 )
📍📍ในส่วนรายละเอียดข้อมูลการเดินทาง พิกัดปักมุด และ ข้อมูลสำคัญน่ารู้ เราจะใส่ไว้ในภาพน้า
ใครอยากตามรอยหรืออยากทราบข้อมูลคลิกเข้าไปดูในแต่ละรูปได้เลยจ้า
🛍สำหรับใครที่เป็น สายช็อป สายกิน หากมาในทริปเที่ยวสายธรรมชาติแบบนี้ ไม่ต้องกังวลไปที่ เมือง Koriyama
ก็มีที่ให้สายช็อปได้ยิ้มกันได้บ้างพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นห้าง S-PAL Koriyama ที่ติดกับตัวสถานีรถไฟ Koriyama เลย
บอกเลยที่นี่สิ่งของต่างๆแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น คือเป็นแบรนด์โลคอลของเค้าคุณภาพดีและใกล้ๆกันก็ยังมีห้างชื่อดังอย่าง yodobashi มีทุกอย่างให้เลือกซื้อ
และอีกห้างดังห้างสำคัญสำหรับนักช็อปชาวไทย นั้นก็คือ ห้าง Don Quijote หรือ “ดองกี้” นั้นเอง
ที่ ดองกี้ สาขา Koriyama นั้นเราก็ไม่พลาดได้เข้าไปช็อปด้วย เพราะตอนมา ใบเตย ดันลืมหยิบเอาโฟมล้างหน้า smooth e มาด้วย
ยังดีที่เจ้า smooth e babyface foam ขนาด 0.5 oz.(เลือกใช้หลอดเล็กมันพกง่ายไม่หนักแถมเอาขึ้นเครื่องได้ด้วย) มีขายที่ ดองกี้พอดีรอดตัวไปงานนี้ เพราะเป็นคนแพ้ง่ายใช้โฟมยี่ห้ออื่นไม่ค่อยจะรอด
🍺ส่วนใครสายกินหรือชอบเที่ยวดื่ม เหมาะมาก ที่ Koriyama นี้มีร้านแนวกินดื่มเยอะมากๆๆ เรียกได้ว่าตกค่ำมานี้ซอยตรงข้าม สถานีรถไฟ Koriyama มีเพียบ
และของกินอร่อยๆก็มีให้เลือกเยอะในโดยรอบๆใกล้สถาณีรถไฟ หมดห่วงเรื่องของกินไปได้เลยจ้า
🌸🌸สรุปสุดท้ายนี้ ก็อยากจะบอกเล่าเรื่องราวผ่านรูปภาพและตัวหนังสือว่า หากใครชอบเที่ยวญี่ปุ่น ชอบเที่ยวชมดอกซากุระ
จังหวัด Fukushima ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ควรค่ากับการมาเที่ยวสักครั้งมากๆ และ เราเชื่อว่า หากเพื่อนๆคนไหน
ได้ มาเที่ยว มาชม มาเห็น ในแบบที่เราได้สัมผัสความงามของดอกซากุระที่ จังหวัด Fukushima แล้วละก็
คุณจะหลงรัก จังหวัด Fukushima เหมือนกับเราที่กำลังรู้สึก และ คุณจะอยากกลับมาเที่ยวที่นี่อีกครั้งเหมือนกับเราที่จะกลับมาเที่ยวที่ จังหวัด Fukushima อีกแน่นอน
🏨ที่พัก
เราเลือกพักที่ โรงแรม Koriyama Washington Hotel Fukushima ตลอดทั้ง 6คืน ไม่ย้ายโรงแรม
ที่เลือกที่นี่เพราะ ใกล้สถานีรถไฟ Koriyama ทำให้การเดินทางสะดวก หน้าโรงแรมมี 7-11 สะดวกมากๆ
แถมรอบๆโรงแรมก็เต็มไปด้วย ร้านอาหารของกินมากมายให้เราได้เลือกชิมแบบไม่เบื่อเลย (อันนี้สำคัญถ้าของกินหายากนี้แย่เลย)
ส่วนราคาห้องพักก็แล้วแต่ช่วงฤดูนะ อยู่ราวๆคืนละ 2000-3000 บาท แล้วแต่แบบห้องนอนอีกทีจ้า
✈️การเดินทางในทริปนี้เราเดินทางด้วย สายการบิน THAIAIRASIA X ❤️
เดินทางจาก สนามบินดอนเมือง – สนามบินนาริตะ มีถึง3เที่ยวบิน/วัน มี3เวลาให้ได้เลือกกันเลย
หากใครกำลังหาตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวญี่ปุ่นในราคาแบบพิเศษๆ สามารถไปติดตามโปรโมชั่นได้ตลอดที่ www.airasia.com/th/th
(แนะนำใครไม่อยากพลาดตั๋วโปรถูกๆในแต่ละฤดูแนะนำสมัคบัตรเครดิต ธ.กรุงเทพ แอร์เอเชีย ไว้ แล้วจะได้มีสิทธิ์จองตั๋วโปรถูกๆก่อนใคร)
🚅ทริปนี้การเดินทางในประเทศเราใช้ ตั๋ว JR East Tohoku Area Pass สำหรับ 5 วันแบบยืดหยุ่น
โดยเราได้ซื้อจากทาง KLOOKใครสนใจจะซื้อ ตั๋ว สามารถกดสั่งซื้อได้จากลิ้งนี้ http://bit.ly/2GQ2jB0
ราคาจะอยู่ที่ ใบละ 5,209 บาท หากช่วงไหนมีโปรโมชั่นก็อาจจะมีส่วนลดเพิ่มอีก
สามารถติดตาม โปรโมชั่น และ ข่าวสาร ผ่าน Klook ได้เลย
พอซื้อเสร็จเค้าจะมี VOUCHER ให้เราเอาไปแลกบัตรจริงที่ญี่ปุ่น เราแลกที่ JR east travel service center ที่สนามบินนาริตะเลย สะดวกมาก
โดย VOUCHER เราจะปริ้นหรือ เปิดจากใน App เราโชว์ให้เจ้าหน้าที่ ที่ญี่ปุ่นดูก็ได้ (แนะนำปริ้นไปเผื่อก็อุ่นใจดี)
✅ประกันภัยการเดินทาง
เรื่องนี้เคยมีคนถามเราเหมือนกันว่าเราเลือกใช้ของเจ้าไหนเวลาไปเที่ยวเพราะมันมีเยอะเหลือเกินราคาก็ต่างๆกันไปเลือกไม่ถูก
ทริปนี้เราเลือกใช้ประกันการเดินทางของ MSIG ประกันเดินทาง แบบรายเที่ยว แผน Easy 3
ราคารวมกัน 2คน อยู่ที่ 1300 บาท เฉลี่ยตกคนละ 650 บาท ราคาถือว่ากลางๆ การคุ้มครองดี บริการดี ง่ายและสะดวก ซื้อปุ๊บเดินทางปั๊บคุ้มครองเลย
ถูกใจเรามากๆ แถมมีโปรโมชั่นต่างๆ เช่น แถมบัตรกำนัลจากสตาร์บัค ใครสนใจตัวประกันการเดินทางของ MSIG
ก็สามารถเข้าไปเข้าไปตามลิ้งนี้ได้เลยจ้า http://bit.ly/TravelsAgain
ปล. เกือบลืมเล่าไปทริปนี้เกิดเหตุจ้า…. ได้เครมประกันแน่นอน คือ หูกระเป๋าเดินทางขาดจ้า ขาดตอนที่มาถึง สนามบิน นาริตะ ซึ่งทางเราพอกลับมาถึงไทย
ก็รีบติดต่อกับทาง MSIG จนท.ดูแลดีมากส่งเอกสารพร้อมกับแนะนำวิธีการทำเครมประกันให้เป็นอย่างดี ถือว่าสบายไปงานนี้ เครมง่ายหายห่วง
(รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในรูปน้า ถ่ายมาไว้ด้วยตอนเป๋าขาด เก็บไว้เป็นหลักฐาน)
📱Sim Net
เราใช้ Sim2fly ของ Ais จ้า สัญญาณดีไว้ใจได้ไปญี่ปุ่นก็ใช้ ซิมเดิมโปรเดิมตลอด
โปรที่ใช้ก็ 299บาท ได้เน็ต 4gb 8วัน แล้วเราก็สมัครเพิ่มแบบ 2วัน 1GB เพิ่มไปอีกในวันท้ายๆ
📸กล้องถ่ายรูป
ทริปนี้เราได้มีโอกาสเอา กล้อง Panasonic Lumix S1R
เลนส์ Lumix S Pro 50mm F1.4 และ Lumix S 24-105 F4 Macro OIS
มาเป็นกล้องหลักในการเก็บภาพ และ คลิปวีดีโอ ในทริปนี้ครับ ตัวกล้องถ่ายสนุก เมนูฟังชั่นมีให้เลือกใช้มากมาย ทำให้เรามีโอกาสได้ภาพสวยๆมากขึ้น
ที่ชอบมากในกล้องตัวนี้ก็คือ ไฟล์ภาพที่ถ่ายจบหลังกล้องสีสวยมาก และอีกหนึ่งสิ่งที่ชอบคือฟังชั่น 6K-Photo
6K-Photo คือเราสามารถดึงภาพนิ่งออกมาจากวิดีโอ เหมาะกับจังหวะถ่ายภาพกระโดดหรือภาพโมเม้นจังหวะคนเดิน
ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาถ่ายหลายรอบถ่ายทีเดียวจบแล้วมาเลือกภาพจังหวะที่ชอบได้เลย
ต้องขอขอบคุณ Panasonic Thialand ที่ให้ทางเราได้มีโอกาสได้ทดสอบลองกล้อง Lumix S1R ในทริปนี้ ด้วยคร๊าบบบ